Header
Hero
Footer
Thursday, December 18, 2025
button
AI Button Studio: The Renderer
Input JSON
Paste the JSON generated by the AI Prompt here
manual-usage
📘 AI Button Studio: คู่มือและวิธีใช้
1. ภาพรวมระบบ
AI Button Studio ถูกออกแบบมาเพื่อเปลี่ยน Natural Language Prompt ให้กลายเป็น “Living Button” ที่มี Motion และ Ethics ในตัว โดยมีโครงสร้างหลักดังนี้:
- Data (แกนกลาง) → Master JSON Schema
- Logic (สมอง) → AI Translation Layer + Backend Validation
- UI (ร่างกาย) → Renderer Engine + Motion Effects
2. ขั้นตอนการทำงาน (System Sequence Flow)
- Input & Intent Capture: ผู้ใช้พิมพ์ Prompt
- AI Translation Layer: AI แปลง Prompt เป็น JSON
- Backend Gatekeeper: ตรวจสอบ Validation + Ethics
- Dispatch & Handshake: ส่ง JSON ที่ Sanitized กลับไป
- Visual Rendering: Renderer Engine แสดงผลปุ่ม
- Alive State: ปุ่มโต้ตอบได้จริง
3. Responsibility Matrix
| ส่วนประกอบ | หน้าที่หลัก | ผลลัพธ์ |
|---|---|---|
| Input UI | รับภาษาธรรมชาติ | String Text |
| AI Layer | แปลงเป็นโครงสร้างข้อมูล | JSON Object |
| Backend | ตรวจสอบความถูกต้องและจริยธรรม | Verified JSON + Metadata |
| DB Layer | เก็บประวัติและเครดิต | Audit Log / Credit Record |
| Renderer | วาด UI และ Motion | Living Button |
4. Integration Specification
การเชื่อมโยง Frontend ↔ Backend:
- Endpoint:
POST /api/v1/buttons/generate - Shared Schema: JSON ที่ตรงกันทั้งสองฝั่ง
- Frontend: Input → Translate → Request → Render
- Backend: Validate → Store → Response
- Sync: WebSocket หรือ Supabase Realtime
5. Prompt Dictionary (Cheat Sheet)
| หมวด | ตัวอย่าง Prompt | Mapping → JSON |
|---|---|---|
| Location | ตรงกลางหน้า Hero | {"grid":{"row":2,"col":2}} |
| Label | ปุ่มเริ่มเกม | {"prompt":"Start Game"} |
| Action | เลื่อนลงไปที่เนื้อหา | {"action":"internal_scroll"} |
| Effect | เงาวิ่งตามเมาส์ | {"motion":{"shadowTracking":true}} |
| Style | สีนีออน | {"motion":{"border":"rgb(0,255,255)"}} |
6. วิธีใช้
- เปิดไฟล์ Playground เพื่อแก้ไข JSON และทดสอบการ Render
- ใช้ Integration Spec เป็นคู่มือเชื่อมต่อ API ระหว่าง Frontend และ Backend
- อ้างอิง Prompt Dictionary เพื่อสร้างคำสั่งที่ระบบเข้าใจได้
- บันทึก Audit Trail และ Auto-Credit เพื่อความโปร่งใส
7. Executive Summary
AI Button Studio คือระบบที่เชื่อมโยง Data → Logic → UI อย่างครบวงจร โดยมี Ethics และ Scalability เป็นแกนกลาง ทำให้สามารถขยายไปสู่การใช้งานจริงในองค์กรและชุมชนได้อย่างมั่นใจ
Thursday, December 11, 2025
The Prompt-Architect Methodology
The Prompt-Architect Methodology: A Practical Guide for Real-World Application
พรอมต์ AI: จากคำถามธรรมดา สู่ "พิมพ์เขียว" อัจฉริยะ
บทนำ: คุณเป็น "นักทดลอง" หรือ "สถาปนิก" AI?
หากคุณเพิ่งเริ่มใช้งาน AI คุณอาจคุ้นเคยกับประสบการณ์ที่ต้องลองผิดลองถูก ถามคำถามซ้ำไปซ้ำมา ปรับแก้คำพูดเล็กน้อย และหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ "ดีพอใช้" สักครั้ง นี่คือแนวทางของ "นักทดลอง" ซึ่งเป็นการสำรวจที่น่าตื่นเต้น แต่บ่อยครั้งก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้และไม่สม่ำเสมอ
บทความนี้จะชวนคุณเปลี่ยนมุมมอง จากการเป็นเพียง "ผู้ใช้" AI ไปสู่การเป็น "สถาปนิกพรอมต์" (Prompt Architect)—ผู้ที่ออกแบบการสื่อสารกับ AI อย่างมีแบบแผนและเป้าหมายที่ชัดเจน
ลองนึกภาพตามนี้:
.png)
- แนวทางของ "นักทดลอง" เปรียบเสมือน "การสร้างบ้านสุนัขจากเศษไม้" คุณอาจตอกไม้สองสามชิ้นเข้าด้วยกัน ดูว่ามันตั้งอยู่ได้หรือไม่ และถ้าไม่ได้ก็หาไม้อื่นมาเสริม สุดท้ายคุณอาจได้บ้านสุนัขที่ใช้งานได้จริง แต่คุณไม่สามารถนำ "กระบวนการ" แบบเดียวกันนี้ไปสร้างบ้านให้คนอยู่ได้ เพราะมันไม่น่าเชื่อถือและไม่ปลอดภัย
- ในขณะที่แนวทางของ "สถาปนิก" เปรียบได้กับ "การออกแบบบ้านโดยใช้พิมพ์เขียว" คุณเริ่มต้นด้วยแผนการที่ชัดเจน พิจารณาตั้งแต่รากฐาน วัสดุ กฎเกณฑ์ ไปจนถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัย โครงสร้างที่ได้จึงแข็งแรง ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่คาดเดาได้ทุกครั้ง
แล้วการคิดแบบ "สถาปนิก" กับ "นักทดลอง" นั้นแตกต่างกันอย่างไร? เรามาดูภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้นกัน
1. เปลี่ยนมุมมอง: ความแตกต่างระหว่าง "นักทดลอง" และ "สถาปนิก"
ตารางด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสองแนวทางการคิด ซึ่งเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับทักษะการใช้ AI ของคุณ
คุณลักษณะ | 👤 นักทดลอง (Trial-and-Error Approach) | 🏛️ สถาปนิก (Architectural Mindset) |
เป้าหมาย | ต้องการผลลัพธ์ที่ใช้ได้ ครั้งเดียว สำหรับความต้องการเฉพาะหน้า | ออกแบบ กระบวนการที่เชื่อถือได้ เพื่อสร้างผลลัพธ์คุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ |
กระบวนการ | ทำไปแก้ไป: เขียนพรอมต์ ดูผลลัพธ์ แล้วปรับแก้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ | วางแผนล่วงหน้า: วางโครงสร้างพรอมต์ก่อนเขียน กำหนดข้อมูล กฎเกณฑ์ และรูปแบบผลลัพธ์ที่ต้องการ |
โครงสร้าง | มักเป็นคำสั่งง่ายๆ ที่ไม่เป็นระเบียบ หรือเป็นประโยคคำถามธรรมดา | เป็น "พิมพ์เขียว" ที่มีโครงสร้างชัดเจน ซึ่งมักประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น บริบท (Context), หน้าที่ (Persona), ข้อจำกัด (Constraints), และตัวอย่างผลลัพธ์ (Examples) เพื่อเป็นแนวทางให้ AI |
ผลลัพธ์ | ไม่สม่ำเสมอ ความสำเร็จเกิดขึ้นซ้ำได้ยาก และยากที่จะวิเคราะห์เมื่อล้มเหลว | เชื่อถือได้และคาดเดาได้ การออกแบบที่เป็นระบบทำให้ง่ายต่อการปรับแก้และเห็นผลกระทบที่ชัดเจน |
การต่อยอด | ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง สำหรับงานใหม่ และยากที่ทีมจะทำงานร่วมกันได้ | ต่อยอดได้ยอดเยี่ยม พรอมต์กลายเป็นเทมเพลตที่นำกลับมาใช้ซ้ำ แบ่งปัน และปรับแก้ได้ทั้งทีม |
เมื่อเราเข้าใจความแตกต่างในวิธีคิดแล้ว ต่อไปเรามาดูกันว่า "พิมพ์เขียว" ของสถาปนิกพรอมต์นั้นมีหน้าตาและคุณสมบัติที่สำคัญอะไรบ้าง
.png)
2. พิมพ์เขียวพรอมต์ (Prompt Blueprint) คืออะไร?
พรอมต์คุณภาพสูงก็เปรียบเสมือน "พิมพ์เขียว" (Blueprint) ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี ไม่ใช่แค่คำถามที่ใช้แล้วทิ้ง แต่เป็นเครื่องมือที่ทนทานและเชื่อถือได้ พิมพ์เขียวที่ดีซึ่งเป็นผลผลิตของ "สถาปนิก" จะมีคุณสมบัติที่สำคัญหลายประการ ซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายที่ยั่งยืนและคาดเดาได้โดยตรง สำหรับผู้เริ่มต้น คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดได้แก่:
- ความแม่นยำและความชัดเจน (Accuracy and Clarity): พิมพ์เขียวที่ดีจะใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมาและแม่นยำ เพื่อลดความกำกวมและช่องว่างในการตีความของ AI ทำให้ AI เข้าใจสิ่งที่เราต้องการได้อย่างแท้จริง และสร้างผลลัพธ์ที่ตรงใจตั้งแต่ครั้งแรก
- ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ (Efficiency and Reliability): หัวใจของพิมพ์เขียวคือการให้ผลลัพธ์ที่ "สม่ำเสมอ" ทุกครั้งที่ใช้งาน เมื่อคุณมีพรอมต์ที่เชื่อถือได้ คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกใหม่ทุกครั้ง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและพลังงานได้อย่างมหาศาล
- กรอบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง (Strong Security Framework): สถาปนิกที่ดีจะคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ พิมพ์เขียวพรอมต์จึงควรรวม "เกราะป้องกัน" เพื่อไม่ให้ AI สร้างผลลัพธ์ที่เป็นอันตราย ผิดจริยธรรม หรือเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ
.png)
การสร้างพิมพ์เขียวที่มีคุณสมบัติเหล่านี้อาจดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วมีกระบวนการที่เป็นระบบและทำตามได้ไม่ยาก ซึ่งเรียกว่า "วงจรป้อนกลับ"
3. วิธีสร้างพิมพ์เขียว: วงจรป้อนกลับ 4 ขั้นตอนสำหรับสถาปนิก
"วงจรป้อนกลับแบบวนซ้ำ" (Iterative Feedback Loop) คือหัวใจที่สำคัญที่สุดและเป็นเหมือน "เครื่องยนต์" ที่ขับเคลื่อนการพัฒนาพรอมต์ มันคือกระบวนการที่เปลี่ยนการคาดเดาให้กลายเป็นการเรียนรู้ที่เป็นระบบ กระบวนการนี้จะช่วยขจัดความลึกลับของ AI เปลี่ยนการคาดเดาให้กลายเป็นวิทยาศาสตร์ของการปรับปรุงอย่างมีแบบแผน และเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการพัฒนาทักษะของคุณ
หลักการสำคัญที่สุดที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือการทำตัวเหมือนนักวิทยาศาสตร์: "เปลี่ยนตัวแปรเพียงครั้งละหนึ่งอย่างเท่านั้น" การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่ละอย่างส่งผลต่อผลลัพธ์ของ AI อย่างไร
วงจรนี้ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำซ้ำไปเรื่อยๆ:
- 🎨 ปรับแต่ง (Customize): เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงพรอมต์ของคุณเพียง หนึ่งอย่าง เท่านั้น อาจเป็นการเพิ่มข้อมูล, ปรับเปลี่ยนคำสั่ง, หรือกำหนดรูปแบบผลลัพธ์
- ▶️ ทดสอบ (Test): นำพรอมต์ที่เพิ่งปรับแก้ไปสั่งให้ AI ทำงานทันที
- 🧐 สังเกต (Observe): วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ AI สร้างขึ้นอย่างละเอียด มันดีขึ้น, แย่ลง, หรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน? อะไรคือความแตกต่างจากครั้งก่อน?
- 💡 ปรับปรุง (Refine): นำสิ่งที่คุณเพิ่งเรียนรู้มาใช้ในการตัดสินใจว่าจะปรับแก้พรอมต์อย่างไรในรอบถัดไป แล้วกลับไปเริ่มต้นที่ขั้นตอนที่ 1 ใหม่
.png)
คุณสามารถจำลำดับนี้ได้ง่ายๆ ว่า: ปรับแต่ง -> ทดสอบ -> สังเกต -> ปรับปรุง
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลองดูตัวอย่างการใช้จริงของวงจรนี้ในการเปลี่ยนพรอมต์ธรรมดาให้กลายเป็นพรอมต์ที่ยอดเยี่ยม
4. ตัวอย่างการใช้งานจริง: จากพรอมต์ V1 สู่ V4
สมมติว่าเป้าหมายของคุณคือการสร้างพรอมต์สำหรับเขียนสรุปความคืบหน้าโปรเจกต์สั้นๆ เพื่อใช้ในการประชุมทีมประจำสัปดาห์
พรอมต์เริ่มต้น (V1):
อัปเดตเกี่ยวกับโปรเจกต์ออกแบบเว็บไซต์ใหม่
นี่เป็นพรอมต์ที่กว้างเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้น่าจะธรรมดาและไม่เป็นประโยชน์ เรามาเริ่มวงจรป้อนกลับกัน
--------------------------------------------------------------------------------
Cycle 1: เพิ่มบริบทที่เฉพาะเจาะจง
- เป้าหมายของรอบนี้: ทำให้ AI รู้ข้อมูลที่จำเป็นในการสรุป
- พรอมต์ที่ปรับปรุง (V2):
- สิ่งที่สังเกตได้ (Observe): ผลลัพธ์ดีขึ้นมาก! AI นำข้อมูลที่เราให้ไปใส่ในสรุป แต่รูปแบบการเขียนยังดูแห้งๆ เหมือนเป็นแค่รายการข้อมูล ยังขาดบทสรุปที่ชัดเจนหรือสิ่งที่ต้องทำต่อไป
- บทเรียนและสิ่งที่จะทำต่อไป (Refine): การเพิ่มบริบทได้ผลดี แต่รูปแบบยังไม่น่าอ่าน รอบต่อไป เราจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมโครงสร้างของผลลัพธ์
--------------------------------------------------------------------------------
Cycle 2: กำหนดโครงสร้างของผลลัพธ์
- เป้าหมายของรอบนี้: จัดระเบียบข้อมูลให้อ่านง่าย
- พรอมต์ที่ปรับปรุง (V3):
- สิ่งที่สังเกตได้ (Observe): นี่คือการพัฒนาครั้งใหญ่! ผลลัพธ์ที่ได้มีโครงสร้างชัดเจนและอ่านง่ายมาก ในหัวข้อ "อุปสรรค" AI ตอบว่า "ไม่มีรายงาน" ซึ่งถูกต้องตามข้อมูลที่เราให้ แต่เราอยากให้มันมีความคิดริเริ่มมากกว่านี้
- บทเรียนและสิ่งที่จะทำต่อไป (Refine): โครงสร้างดีแล้ว แต่เราต้องการปรับปรุง "พฤติกรรม" ของ AI ให้ฉลาดขึ้น รอบต่อไปเราจะลองกำหนดบทบาท (Persona) ให้กับมัน
--------------------------------------------------------------------------------
Cycle 3: กำหนดบทบาท (Persona)
- เป้าหมายของรอบนี้: ทำให้ AI คิดและเขียนในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ
- พรอมต์ที่ปรับปรุง (V4):
- สิ่งที่สังเกตได้ (Observe): ผลลัพธ์ตอนนี้เกือบจะสมบูรณ์แบบ! น้ำเสียงการเขียนมีความเป็นมืออาชีพและมองไปข้างหน้า ในหัวข้อ "อุปสรรค" แทนที่จะตอบว่า "ไม่มีรายงาน" AI อาจเขียนว่า "ปัจจุบันยังไม่มีอุปสรรค แต่เรากำลังติดตามสถานะของนักพัฒนาสำหรับเฟสถัดไปเพื่อป้องกันความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น" ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่ากว่ามาก!
- บทเรียนและสิ่งที่จะทำต่อไป (Refine): เราได้พรอมต์คุณภาพสูงที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้แล้ว! ตอนนี้เราสามารถบันทึกพรอมต์ V4 นี้เป็น "คำถามต้นแบบ" (Master Prompt)—ซึ่งก็คือเทมเพลตคุณภาพสูงที่ผ่านการทดสอบแล้ว—ในคลังส่วนตัวของคุณได้เลย
--------------------------------------------------------------------------------
พรอมต์ V4 ที่เราสร้างขึ้น ไม่ใช่แค่ความสำเร็จครั้งเดียว แต่ได้กลายเป็น สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีค่า ชิ้นแรกใน "คลังรูปแบบพรอมต์" (Prompt Pattern Library) ส่วนตัวของคุณ นี่ไม่ใช่แค่พรอมต์ที่ใช้แล้วทิ้ง แต่เป็นพิมพ์เขียวที่ผ่านการทดสอบซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้กับโปรเจกต์อื่นๆ ได้ทันที
การสร้างสินทรัพย์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้เช่นนี้ คือกุญแจสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
.png)
5. บทสรุป: เริ่มสร้างพิมพ์เขียวของคุณเองวันนี้
การยกระดับทักษะการใช้งาน AI ของคุณเริ่มต้นจากการเปลี่ยนมุมมอง จาก "นักทดลอง" ที่พึ่งพาการลองผิดลองถูก ไปสู่การเป็น "สถาปนิก" ที่ออกแบบการสื่อสารกับ AI อย่างมีเป้าหมายและเป็นระบบ
หัวใจสำคัญของการเป็นสถาปนิกไม่ได้อยู่ที่ความสามารถพิเศษ แต่คือการนำ "วงจรป้อนกลับ 4 ขั้นตอน" (ปรับแต่ง -> ทดสอบ -> สังเกต -> ปรับปรุง) ไปใช้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ กระบวนการนี้จะเปลี่ยนพรอมต์ธรรมดาๆ ให้กลายเป็น "พิมพ์เขียว" ดิจิทัลที่ทรงพลัง เชื่อถือได้ และนำกลับมาใช้ซ้ำได้
เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ลองนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้กับการสร้างพรอมต์ครั้งต่อไปของคุณ แล้วคุณจะพบว่าตัวเองไม่ได้เป็นเพียงผู้ใช้ แต่กำลังสร้างเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถชี้นำ AI เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
Wednesday, December 10, 2025
AI Work Companion
ถอดรหัสปรัชญาการออกแบบ AI FULL WORK MOBILE: คู่มือสำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่
เกริ่นนำ: วิสัยทัศน์เบื้องหลังการออกแบบ
เบื้องหลังทุกองค์ประกอบของ AI FULL WORK MOBILE คือวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การทำงานแห่งอนาคต วิสัยทัศน์หลักของเราประกอบด้วย 3 มิติสำคัญ:
- AI Work Companion: การเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็นเพื่อนร่วมงานที่คอยให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างผู้ใช้ตลอดเวลา
- Digital Identity Hub: การเป็นศูนย์กลางข้อมูลประจำตัวดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักพัฒนา ซึ่งเปรียบเสมือน "ตู้เซฟดิจิทัล" ส่วนบุคคล
- Secure Productivity Platform: การเป็นแพลตฟอร์มที่องค์กรสามารถไว้วางใจได้ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน
เอกสารฉบับนี้จะเจาะลึกว่า "หลักการออกแบบ (Design Principles)" ของเราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้วิสัยทัศน์เหล่านี้เป็นจริงได้อย่างไร คุณจะได้ค้นพบว่าทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่สีที่เลือกใช้ไปจนถึงโครงสร้างของหน้าจอ ล้วนถูกคิดมาอย่างละเอียดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัย ชาญฉลาด และใช้งานง่ายที่สุด
เพื่อที่จะเข้าใจการออกแบบของเรา เราต้องเริ่มต้นจากแก่นแท้ นั่นคือ "ความรู้สึก" และสุนทรียภาพที่เราตั้งใจสร้างขึ้น
.png)
1. ปรัชญาและสุนทรียภาพ: การสร้าง "ความรู้สึก" ของแอปพลิเคชัน
แนวคิดหลักด้านสุนทรียภาพ (Aesthetic) ของเราคือการผสมผสานระหว่างสไตล์ Glass morphism และ Neu morphism อย่างลงตัว เป้าหมายของการผสมผสานนี้คือการสร้างอินเทอร์เฟซที่ให้ความรู้สึก "ล้ำสมัยแต่ใช้งานง่าย" (futuristic yet easy-to-use) ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ากำลังใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูงที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตร
นอกเหนือจากรูปทรงและพื้นผิวแล้ว "สี" คือหัวใจสำคัญในการสื่อสารความรู้สึก โดยเราได้นำหลักจิตวิทยาของสี (Color Psychology) มาใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
คุณค่าที่สื่อสาร | สีหลัก | รหัสสี | ความหมายที่สื่อถึง |
Safety | Deep Navy |
| Stability and reliability (ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ) |
Modernity | Electric Blue |
| Technology and innovation (เทคโนโลยีและนวัตกรรม) |
Privacy | Graphite Gray |
| Neutrality and confidentiality (ความเป็นกลางและความเป็นส่วนตัว) |
Stimulation | Lime Green |
| Success and progress (ความสำเร็จและความก้าวหน้า) |
จากสุนทรียภาพและสีสันที่กำหนดทิศทาง เราได้สร้างเสาหลัก 6 ประการที่เป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจในทุกขั้นตอนการออกแบบ
2. เสาหลักทั้ง 6: หัวใจสำคัญในการออกแบบ UI/UX
การออกแบบทั้งหมดของเราถูกขับเคลื่อนโดยเป้าหมายหลัก 6 ประการที่จัดเรียงตามลำดับความสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง
- ความปลอดภัยต้องมาก่อน (Security First):
- เป้าหมายหลัก: ความปลอดภัยคือรากฐานที่สำคัญที่สุด UI จะต้องสร้างความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยให้ผู้ใช้ตลอดเวลา เพราะหากปราศจากความไว้วางใจ ฟีเจอร์อื่นๆ ก็ไร้ความหมาย
- แนวทางการออกแบบที่เป็นรูปธรรม: เราทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงโดยการแสดง สถานะการเข้ารหัส (encryption status) และ สถานะการยืนยันตัวตน (authentication status) อย่างชัดเจนเสมอ มีระบบการแจ้งเตือนเชิงรุกเมื่อตรวจพบกิจกรรมที่น่าสงสัย และมีฟีเจอร์นวัตกรรมอย่าง “Live Privacy Indicator” ที่เปลี่ยนสีตามระดับความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ บทเรียนสำคัญในที่นี้คือ การแปลงแนวคิดที่เป็นนามธรรม (Abstract Concept) ให้กลายเป็นรูปธรรม (Tangible Feedback) เพื่อให้ผู้ใช้ "มองเห็น" ความปลอดภัยได้ตลอดเวลา
- ใช้งานง่าย (Ease of Use):
- เป้าหมายหลัก: การนำทางที่เรียบง่ายคือสิ่งสำคัญที่สุด (Simple navigation is paramount) ผู้ใช้ต้องสามารถเข้าถึงฟังก์ชันที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและไม่สับสน เพื่อลดภาระการเรียนรู้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- แนวทางการออกแบบที่เป็นรูปธรรม: เราใช้ Bottom Tab Navigation สำหรับการเข้าถึงส่วนหลักๆ ของแอปพลิเคชัน และมี Quick Action Panel ที่ปรับเปลี่ยนเมนูทางลัดไปตามบริบทการใช้งานของผู้ใช้ ทำให้เครื่องมือที่จำเป็นที่สุดอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วเสมอ
- แสดงศักยภาพของผู้ใช้ (User Potential Demonstration):
- เป้าหมายหลัก: เปลี่ยนแอปพลิเคชันจากการเป็นแค่เครื่องมือบันทึกงานให้กลายเป็น “เครื่องมือพัฒนาบุคลากร” ที่ช่วยสะท้อนและส่งเสริมศักยภาพของผู้ใช้
- แนวทางการออกแบบที่เป็นรูปธรรม: หน้า “My Impact” หรือ "Performance & Portfolio" ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ สังเกตว่าเราไม่ได้แสดงแค่ Badge หรือ Level แต่เราแสดงข้อมูลที่จับต้องได้และสร้างแรงบันดาลใจ เช่น:
- Productivity Score:
87% (above average) - Project Impact:
'AI Prompt Crafting | 5,200+ views' - Growth Trend:
'+12% in last 30 days'หัวใจสำคัญคือการใช้ข้อมูลเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของผู้ใช้ ซึ่งทรงพลังกว่าสัญลักษณ์ที่เป็นนามธรรม
- Productivity Score:
- การเชื่อมต่อที่ราบรื่น (Seamless Connectivity):
- เป้าหมายหลัก: สร้างศูนย์กลางการจัดการการเชื่อมต่อทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่าง "ไร้กังวล" ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับคลาวด์ เครือข่ายองค์กร หรืออุปกรณ์เสริม
- แนวทางการออกแบบที่เป็นรูปธรรม: หน้า ‘Connect’ หรือ Connectivity Hub แสดงสถานะของ Cloud, VPN และอุปกรณ์เสริมทั้งหมดในที่เดียว พร้อมปุ่ม "Sync Now" สำหรับการซิงค์ข้อมูลทันที และ "Troubleshoot" เพื่อช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว
- การเรียนรู้ของ AI (AI Learning):
- เป้าหมายหลัก: สร้าง AI ที่โปร่งใสและสามารถโต้ตอบได้ ผู้ใช้ต้องรู้สึกว่า AI เป็นผู้ช่วยที่เรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกับตนเอง ไม่ใช่กล่องดำ (Black Box) ที่คาดเดาไม่ได้
- แนวทางการออกแบบที่เป็นรูปธรรม: “AI Insight Panel” จะแสดงคำแนะนำของ AI พร้อมเหตุผลประกอบ และที่สำคัญคือมี ปุ่ม Feedback ที่ชัดเจน นี่คือบทเรียนสำคัญในการออกแบบ AI ที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง: การให้เหตุผลสร้างความไว้วางใจ และการเปิดรับ Feedback ทำให้เกิดวงจรการเรียนรู้ร่วมกัน
- การควบคุมความเป็นส่วนตัว (Privacy Control):
- เป้าหมายหลัก: มอบอำนาจในการควบคุมข้อมูลให้แก่ผู้ใช้ โดยเฉพาะการแยกพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ทำงานออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุด
- แนวทางการออกแบบที่เป็นรูปธรรม: มีสวิตช์ที่ใช้งานง่ายสำหรับสลับระหว่างโหมด “Work” และ “Private” ทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดได้ว่าข้อมูลใดจะถูกแชร์หรือนำไปใช้ในบริบทการทำงาน
.png)
หลักการทั้ง 6 ข้อนี้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษยี่ แต่ถูกนำมาประยุกต์ใช้จริงผ่านโครงสร้าง UI ที่ยืดหยุ่นและชาญฉลาด
3. จากหลักการสู่การปฏิบัติ: โครงสร้าง UI แบบโมดูลาร์ (Modular UI)
เราเลือกใช้โครงสร้าง UI แบบโมดูลาร์ (Modular UI) เพราะให้ความยืดหยุ่น (flexibility) สูง และสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผล (Responsive Layout) ได้ตามขนาดหน้าจอและบริบทการใช้งานได้อย่างลงตัว แต่ละโมดูลถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนเสาหลักการออกแบบอย่างน้อยหนึ่งข้อ
- Home Dashboard: โมดูลนี้สะท้อนหลักการ "ใช้งานง่าย" อย่างชัดเจนผ่าน Quick access buttons และยังสะท้อนหลักการ "ความปลอดภัยต้องมาก่อน" ผ่าน Safety Alert ที่จะแจ้งเตือนความเสี่ยงให้ผู้ใช้ทราบทันทีที่เปิดแอป
- Identity & Security Center: นี่คือศูนย์รวมของการออกแบบที่ยึดหลัก "ความปลอดภัยต้องมาก่อน" อย่างชัดเจนที่สุด ผู้ใช้สามารถจัดการการตั้งค่าความปลอดภัยหลายชั้น ตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตน และรับการแจ้งเตือนเมื่อมีกิจกรรมที่ผิดปกติ
- Performance & Portfolio (“My Impact”): โมดูลนี้คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของหลักการ "แสดงศักยภาพของผู้ใช้" โดยเปลี่ยนข้อมูลผลการทำงานให้กลายเป็นแรงบันดาลใจผ่านการแสดงผลงาน รางวัล และตัวชี้วัดที่จับต้องได้
- AI Assistant Panel: นี่คืออินเทอร์เฟซสำหรับการสนทนา (Conversational Interface) ที่ผู้ใช้โต้ตอบกับ AI ได้โดยตรง โมดูลนี้สะท้อนหลักการ "การเรียนรู้ของ AI" ผ่านการถาม-ตอบ และการให้ Feedback แบบเรียลไทม์
- AI Interaction Hub: ส่วนนี้คือพื้นที่ ก่อน เริ่มการสนทนา เป็นตัวอย่างชั้นดีของการสังเคราะห์หลักการ "การควบคุมความเป็นส่วนตัว" เข้ากับการทำงานของ AI ผู้ใช้สามารถกำหนด "ระดับความปลอดภัยของข้อมูล" (Data security level) ได้ด้วยตนเอง (เช่น Maximum, Medium, Low) ก่อนที่จะเริ่มส่งคำสั่งใดๆ สิ่งนี้สอนเราว่าการมอบอำนาจให้ผู้ใช้ตั้งแต่แรกเริ่มคือหัวใจของการออกแบบ AI ที่มีจริยธรรม
.png)
นอกเหนือจากโครงสร้างที่แข็งแกร่งแล้ว เรายังได้เพิ่มประกายแห่งนวัตกรรมเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ไปอีกขั้น
4. นวัตกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจ: ฟีเจอร์แห่งอนาคต
การออกแบบที่ยอดเยี่ยมไม่ได้หยุดอยู่แค่การใช้งานที่ราบรื่น แต่ต้องสร้างแรงบันดาลใจและแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ นี่คือฟีเจอร์เชิงนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดของเรา
- Live Privacy Indicator: ตัวบ่งชี้ที่เปลี่ยนสีตามระดับความปลอดภัยของข้อมูลแบบเรียลไทม์ บทเรียนสำคัญสำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่คือการแปลงแนวคิดที่เป็นนามธรรม (Abstract Concept) ให้กลายเป็นรูปธรรม (Tangible Feedback) ฟีเจอร์นี้คือตัวอย่างชั้นเยี่ยมของการทำสิ่งนี้ มันไม่ได้แค่บอกว่าระบบปลอดภัย แต่มัน แสดง ให้ผู้ใช้เห็น ทำให้ความปลอดภัยไม่ใช่แค่ฟีเจอร์เบื้องหลัง แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ผู้ใช้สัมผัสได้โดยตรง
- AI Mood Ring: การแสดง "อารมณ์" หรือระดับความมั่นใจของ AI ผ่านภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเป็นมิตรระหว่างผู้ใช้กับเทคโนโลยี เป็นการลดช่องว่างและทำให้ AI ดูเข้าถึงง่ายขึ้น ซึ่งเป็นบทเรียนในการสร้าง Human-AI Interaction ที่ดี
- Modular Widgets: การมอบอำนาจให้ผู้ใช้สามารถจัดเรียงหน้าจอและเลือกข้อมูลที่ต้องการเห็นได้เองตามสไตล์การทำงาน นี่คือที่สุดของการออกแบบที่ยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric Design) และหลักการปรับแต่ง (Customization) ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเต็มที่และเคารพในความแตกต่างของผู้ใช้แต่ละคน
ฟีเจอร์เหล่านี้คือข้อพิสูจน์ว่าหลักการออกแบบที่แข็งแกร่งสามารถนำไปสู่นวัตกรรมที่น่าทึ่งได้อย่างไร
5. บทสรุป: การออกแบบที่หลอมรวมความปลอดภัยและอัจฉริยภาพ
ปรัชญาการออกแบบของ AI FULL WORK MOBILE คือการสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่าง ความปลอดภัยที่เหนือกว่า (Unmatched Security) และ ประสิทธิภาพของ AI ที่ปรับตัวได้ (Adaptive AI) เราไม่ได้มองว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด
จากวิสัยทัศน์หลัก 3 ประการของเรา เสาหลักทั้ง 6 ที่ได้อธิบายไปนั้นได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นทั้ง "ผู้ช่วยส่วนตัวที่ชาญฉลาด" ที่เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับคุณ และในขณะเดียวกันก็เป็น "ป้อมปราการดิจิทัลที่ปลอดภัย" ที่คุณและองค์กรสามารถไว้วางใจได้
สำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่ ความท้าทายที่สำคัญที่สุดที่เอกสารนี้ได้ถอดรหัสออกมาคือ การออกแบบที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่แค่การทำให้สิ่งต่างๆ ดูสวยงาม แต่คือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความฉลาด ด้วยวิธีที่เรียบง่าย สวยงาม และคำนึงถึงมนุษย์ผู้ใช้งานเป็นหัวใจสำคัญเสมอ
Masters-Prompt
🔍 Prompt for searching and retrieving information
You can use these labels as keywords or filters in your search engine, such as:
Find information related to growth and startup.
Retrieve all content tagged with "The Rising" and "The Rising Truth"
Search for truth and liberation
Find documents labeled "The raw of truth" OR "Breaking the chain"
Find strength and courage
Search for entries tagged with "The Waking Lions" AND "Courageous"
⚙️ Prompt for creating App/Web
You can use these labels as main categories in your dashboard or knowledge base:
Create a website that displays content based on signs
Build a web app that organizes content by labels: The Rising, The Promise, The Bottom, Unity, etc. Each label should act as a filter and display related articles, media, or notes.
Create a game/mission system (Adventure Board)
Create an app where each label represents a mission category. Example: "Courageous" = bravery missions, "The Activation" = unlock new features, "The blessings" = reward system.
Create an API for retrieving data by label
Develop an API endpoint: /content?label=The Rising to return all items tagged with that label.
💡 Guidelines for further development
Use these badges as Effort Currency or Badge System in LearnSphere/Guardian League.
Create a Knowledge Graph that connects labels together (e.g., The Rising → The Rising Truth → The raw of truth).
Use labels as a semantic filter in your search (truth, courage, unity, destruction, blessings).
🔎 Evaluating your approach
You place labels as semantic categories (such asThe Rising, Unity, The raw of truth)
Each label has symbolic power that can be used as metadata for content search and management.
Strengths: These labels have deep meaning and can be linked to the user's journey/growth.
Missing points:
Thematic groupings (e.g., Growth, Truth, Courage, Collapse, Blessings)
Linking between labels (Knowledge Graph or Matrix)
Examples of practical applications (e.g. Dashboard, Reward System, Content Retrieval)
🗂 Increasing content coverage
1. Thematic grouping
2. Connect to a Knowledge Graph
The Rising → The Rising Truth → The raw of truth (The path to finding truth)
Courageous → Breaking the chain → Unity (The path of liberation and unity)
The Bottom → Matrices → The Ring pillars → The Vertical movement (Structural and growth path)
⚙️ Additional content releases
A. Search and data retrieval system
Prompt Template for Retrieval
Retrieve all content tagged with [Label] OR related themes.
Example: Retrieve all content tagged with "Courageous" OR "Breaking the chain"
Semantic Search
Use Label as keyword
Use Theme as a broader filter
Use the Graph as the search path (e.g. “Truth Path”)
B. Dashboard / App Creation
Dashboard View:
Sidebar = Themes
Filter = Labels
Graph View = Link between labels
Reward System (Effort Currency)
“Courageous” → Badge of Bravery
“Unity” → Collective Badge
“The blessings” → Reward Points
Adventure Board Missions
“The Rising” = Start a new mission
“Breaking the chain” = Mission to unlock the limitations
“The Promise” = A long-term mission with a big reward.
C. Communication and storytelling
Use the label as the article/post title.
Use the sign as a hashtag (#TheRising, #Unity, #TruthPath)
Use labels as categories in the Knowledge Base.
💡 Additional offers
Create a reusable prompt framework, such as:
Search Prompt: "Find all content tagged with [Label]"
Retrieval Prompt: "Retrieve documents related to [Theme]"
App Prompt: "Build a dashboard with filters for [Labels]"
This makes these labels Living Labels that can evolve, such that as new content comes in, the labels will adapt themselves to the appropriate theme.
🖥️ Webpage/Landing Page Structure
1. Hero Section (open page)
section: “Living Labels Framework”
Description: “A guide to using labels to find, retrieve, and build meaningful systems.”
CTA Button: Explore Framework
2. Section: Search Prompt Framework
Topic: 🔍Search
Description: Use tags as keywords or filters to search for content.
Prompt Template Example:
Search for content tagged with [Label]
Example: Search for "The Rising" OR "Unity"
3. Section: Retrieval Prompt Framework
Topic: 📂Retrieval
Description: Use labels to extract information related to a theme or semantic path.
Prompt Template Example:
Retrieve all documents related to [Theme]
Example: Retrieve all documents related to "Truth & Reality"
4. Section: App Prompt Framework
Topic: ⚙️App/Web Creation
Description: Use the label as a filter, mission, or badge in the system.
Prompt Template Example:
Build a dashboard with filters for [Labels]
Example: Build a dashboard with filters for "Courageous", "Unity", "The blessings"
5. Section: Storytelling Prompt Framework
Topic: 📖Storytelling
Description: Use the sign as a topic or narrative path.
Prompt Template Example:
Write a story that follows the path:
"The Rising → The Rising Truth → The raw of truth"
6. Section: Knowledge Graph Visualization
Displays a label-linked graph (e.g., The Rising → The Rising Truth → The raw of truth).
Use it as an Interactive Map for users to click to view related content.
7. Section: Use Cases
Dashboard Filtering
Adventure Board Missions
Badge & Reward System
Knowledge Base Navigation
🎨 Design guidelines
Use a Card Layout for each label.
Each Card has: Label, Description, Sample Prompt
Use Interactive Graph for label association
Use CTA buttons such as “Search with this Label”, “Retrieve Content”, “Start Mission”.
💡 Summary
You can create a landing page that is both a guide and a signage tool, with four main pillars:
Search
Retrieval
App (Create a system)
Storytelling
🖥️ Webpage Structure (Wireframe Concept)
1. Hero Section
Headline: Living Labels Framework
Subtext: “A guide to using labels to search, retrieve information, and create meaningful systems.”
CTA Buttons:
Explore Framework
Preview Product Updates
👉 Design: Use Gradient Background + Animated Icons for the sign (e.g. Rising, Unity, Truth).
2. Preview & Updates Section
Purpose: Show new features or recent updates.
UI: Card-based layout with scrollable (carousel)
Content:
“New Label Added: The Blessings”
“Update: Retrieval Prompt Framework v2”
“Integration: API for external apps”
👉 Design: Use Timeline + Notification Badge to indicate new updates.
3. Prompt Framework Section
It is divided into 4 main blocks with clickable UI:
👉 Design: Use Tabbed Navigation to allow users to switch between each Framework.
4. Knowledge Graph Section
Interactive Graph with Label Connections (Nodes = Labels, Edges = Relationships)
Users can click on a Node to view a sample prompt and related content.
👉 Design: Use Force-directed Graph Visualization (e.g. D3.js or Cytoscape.js).
5. Integration Section
Show connections to other systems such as:
API for fetching data by label
Export to Dashboard / Adventure Board
Connect to Reward System (Effort Currency, Badges)
👉 Design: Use Icon Grid (API, Dashboard, Rewards, Docs)
6. Footer
Links: Documentation, Updates, Contact
Social Integration: GitHub, Slack, Discord
Dynamic: “Last Updated: [date/time]”
🎨 UI Guidelines
Modern & Flexible: Use Tailwind CSS or Material UI
Responsive: Supports Mobile, Tablet, Desktop
Dynamic Preview: Use Live Cards that automatically update when new labels are added.
Dark/Light Mode Toggle
💡 Additional advice
Make it a Living Page → Every time a new label is added, it will be updated automatically.
Use Modular Design → Each Section is a Component that can be easily adjusted/added.
Support API Integration → Allows users to retrieve label data for use in other systems.
Gamification Layer → Use badges as tasks/badges to create motivation.
Preview Mode → Allows users to try out the Prompt Framework right on the web page.
🖥️ Prompt Framework for web pages
.png)
1. Hero Section
Design a Hero Section with the headline "Living Labels Framework".
Include subtext: "A guide to using labels to search, retrieve information, and build meaningful systems."
Add CTA buttons: "Explore Framework" and "Preview Product Updates".
Use modern gradient background and animated icons representing labels.
2. Preview & Updates Section
Create a Preview & Updates Section showing latest product updates.
Use a card-based carousel layout.
Example updates: "New Label Added: The Blessings", "Retrieval Prompt Framework v2", "Integration: API for external apps".
Add timeline and notification badge for new updates.
3. Prompt Framework Section
Build a Prompt Framework Section divided into 4 tabs: Search, Retrieval, App, Storytelling.
Each tab shows:
- Title
- Description
- Example Prompt
UI: Tabbed navigation with interactive cards.
Example:
Search Tab → "Search for content tagged with [Label]"
Retrieval Tab → "Retrieve all documents related to [Theme]"
App Tab → "Build a dashboard with filters for [Labels]"
Storytelling Tab → "Write a story path: Rising → Truth → Raw of truth"
4. Knowledge Graph Section
Design an Interactive Knowledge Graph Section.
Nodes = Labels (e.g., The Rising, Unity, The raw of truth).
Edges = Relationships (e.g., Rising → Truth → Raw of truth).
Allow users to click nodes to see related prompts and content.
Use force-directed graph visualization for modern UI.
5. Integration Section
Create an Integration Section showing connectivity with other systems.
Use icon grid layout.
Examples:
- API for external apps
- Export to Dashboard / Adventure Board
- Reward System integration (Effort Currency, Badges)
Add CTA buttons: "Connect API", "Export Data", "View Rewards".
6. Footer Section
Design a Footer Section with links: Documentation, Updates, Contact.
Include social integration icons: GitHub, Slack, Discord.
Add dynamic text: "Last Updated: [date/time]".
Support Dark/Light Mode toggle.
🎨 UI Guidelines Prompt
Use a modern, flexible UI with TailwindCSS or Material UI.
Responsive design for Mobile, Tablet, Desktop.
Include Dark/Light Mode toggle.
Use card layout for labels and updates.
Interactive graph for label relationships.
Preview mode for testing prompts directly on the page.
💡 Additional advice
Make each Prompt Section a separate module → You can easily edit or add more.
Add Gamification Layer → Use badges as Badges/Missions to motivate.
Use Live Preview Mode → Let users try out the Prompt Framework right on the web page.
Support API Integration → to connect with other systems
🧩 Master Prompt (Web Page Framework)
Design a modern, flexible, responsive landing page called "Living Labels Framework".
The page should serve as a guidebook and product preview for label usage, with automatic update capability.
Sections to include:
1. Hero Section
- Headline: "Living Labels Framework"
- Subtext: "A guide to using labels to find, retrieve information, and create meaningful systems."
- CTA buttons: "Explore Framework", "Preview Product Updates"
- Modern gradient background with animated icons representing labels.
2. Preview & Updates Section
- Display latest product updates in a card-based carousel layout.
- Example updates: "New Label Added: The Blessings", "Retrieval Prompt Framework v2", "Integration: API for external apps".
- Include timeline and notification badge for new updates.
- AUTO-UPDATE RULE: Whenever a new label or framework update is added, generate a new card automatically.
3. Prompt Framework Section
- Divide into 4 tabs: Search, Retrieval, App, Storytelling.
- Each tab shows title, description, and example prompt.
- UI: Tabbed navigation with interactive cards.
- Example prompts:
- Search: "Search for content tagged with [Label]"
- Retrieval: "Retrieve all documents related to [Theme]"
- App: "Build a dashboard with filters for [Labels]"
- Storytelling: "Write a story path: Rising → Truth → Raw of truth"
- AUTO-UPDATE RULE: When new labels or themes are added, update example prompts dynamically.
4. Knowledge Graph Section
- Interactive graph visualization of labels and relationships.
- Nodes = Labels (e.g., The Rising, Unity, The raw of truth).
- Edges = Relationships (e.g., Rising → Truth → Raw of truth).
- Users can click nodes to see related prompts and content.
- AUTO-UPDATE RULE: Graph should refresh automatically when new labels or relationships are defined.
5. Integration Section
- Show connectivity with external systems using icon grid layout.
- Examples: API integration, Export to Dashboard/Adventure Board, Reward System (Effort Currency, Badges).
- CTA buttons: "Connect API", "Export Data", "View Rewards".
- AUTO-UPDATE RULE: Add new integration icons automatically when new connectors are defined.
6. Footer Section
- Links: Documentation, Updates, Contact.
- Social integration icons: GitHub, Slack, Discord.
- Dynamic text: "Last Updated: [date/time]".
- Dark/Light Mode toggle.
UI Guidelines:
- Use TailwindCSS or Material UI for modern design.
- Responsive for Mobile, Tablet, Desktop.
- Dark/Light Mode toggle.
- Card layout for labels and updates.
- Interactive graph for label relationships.
- Preview mode for testing prompts directly on the page.
AUTO-UPDATE COMMANDS:
- Monitor label repository for changes.
- When new labels are added, auto-generate cards in Preview Section and update Knowledge Graph.
- When frameworks are updated, auto-refresh Prompt Framework Section.
- When integrations are added, auto-display new icons in Integration Section.
- Always update "Last Updated" timestamp in Footer automatically.
💡 Additional advice
Use Component-based Architecture (React, Vue, Svelte) → Each Section is a module that can be easily updated.
Use WebSocket or API polling for automatic updates.
Make Knowledge Graph a live visualization that syncs with the label database.
Added Preview Mode to allow users to try out Prompt Frameworks instantly on web pages.
Subscribe to:
Comments (Atom)